Friday, May 19, 2006

Rain


Rain

เบิกบานบุรี ฝนโปรยโรยพื้น โดยก่อนหน้า ฟ้าร้องโวยวายโครมคราม ทั่วผืนพิภพ

ฟ้าร้อง อาจเป็นสัญญาณแห่งความสุข สำหรับชาวนา ชาวสวน

ฟ้าร้อง อาจเป็นสัญญาณแห่งความงอกงาม ของดอกไม้ ใบหญ้า

ฟ้าร้อง บางครั้งอาจเป็นสัญญาณของความฉุนเฉียว จากแม่ค้าขายปลาเค็ม กล้วยตาก และอาชีพใช้แดด

ฟ้าร้อง บางมุมอาจหมายถึง ความสั่นกลัว สะท้านสะเทือน กับเสียงกัมปนาท จนต้องกระชับกายและใบหูกับผ้าห่ม

แต่ที่แน่ๆฟ้าร้อง คือสัญญาณสำหรับการโปรยปรายของเม็ดฝนบนฟากฟ้าที่จะทยอยเม็ดน้ำลงโลมดิน

.............................................

สำหรับฝน เมื่อลอยหล่น อาจถูกตีค่าหลากหลายจากผู้คน

ฝน อาจหมายถึง การจราจรที่หนักข้อขึ้น

อาจหมายถึง การหยุดชะงักของการพบปะของใครหลายคน

อาจหมายถึง น้ำตาของผู้ที่ทำหัวใจหล่นหายไปกับความเศร้า

อาจหมายถึง ความชุ่มเย็นดุจน้ำนมของมารดาแห่งโลก

อาจหมายถึง ระเหยไอแล้งร้อนที่พวยพุ่งบนพื้นดินและท้องถนน

หรือกระทั่งถึง ความสดชื่นรื่นรมย์ของดอกไม้ใบหญ้า ที่ระริกไหวตามสายลมยามฝนพรำ

....................................................

ฝนยังโปรยเม็ด ยังความชื่นชุ่มสู่เบิกบานบุรีอย่างสม่ำเสมอ นิรันดร

แม้ว่าผู้คนบางพวกอาจก่นด่า หรือขลาดกลัวกับเสียงฟ้าผ่า

แต่ฉันใด เรามิอาจปฏิเสธความงอกงามหรือสายรุ้งภายหลังฝนจากฟ้าได้

.................................................

พระเจ้าช่วย

เบิกบานบุรุษ สุดสายฝน

Wednesday, May 10, 2006

walk


walk

คืนค่ำ ย่ำเย็น พระอาทิตย์ตกแล้ว

ณ เบิกบานบุรี ที่ม่านความมืดแผ่ปลกคลุม ริมทางเท้าที่มีเสียงแตรรถยนต์ดังประปราย เป็นเพื่อนคลายเหงา

เท้าสองข้างยังก้าวเดินไปบนบาทวิถี และแล้วเท้าทั้งสองข้างก็ไปหยุดยืนอยู่เคียงข้างเท้าสองข้างอีกคู่หนึ่ง

.............................................

ชายอ้วน ผมหยิก ตัวเหม็น เดินกระผลกกระเผลก ใช้มือยันกำแพงสังกะสีริมบาทวิถี

เท้าข้างซ้ายบวมเป่ง มีเลือดไหล นัยตามีแววแห่งความเจ็บปวดรวดร้าว น้ำตาอาบไล้สองแก้ม

หิวข้าว ก็ถูกผลักออกจากร้าน

กระหายน้ำ ก็ถูกรังเกียจเดียดฉันท์

ขึ้นรถเมล์ ก็ถูกไล่ลง
.......................................................

สองเท้าก้าวเดินไป แลเห็นสุนัขฝรั่งมีเจ้าของอุ้มป้อนขนมน้ำ

เมื่อถึงร้านของชำ จึงชื้อน้ำได้สามขวด

แล้วเดินกลับมา ณ ชายอ้วนร้าวราน

มือลูบหลัง ด้วยกรุณา และดีใจที่ชายอ้วนได้กินน้ำ
...................................................

ณ เบิกบานบุรี ชายหนุ่มส่งชายอ้วน ขึ้นรถแท็กซี่ใจดีที่ไม่รังเกียจในการพาไปส่งที่สถานีเพื่อนำชายอ้วนกลับสู่ปลายทางบ้านเกิด

ชายหนุ่มนับเงินที่เหลือในกระเป๋า โดยไม่รู้ว่าจะมีเงินเหลือถึงสิ้นเดือนหรือไม่

แต่ก็ดีใจที่ หนึ่งพันบาท อาจหมายถึงความสุขในย่างก้าวของชายอ้วน

................................................

คืนค่ำ วังเวง เปลี่ยวเหงา ณ เบิกบานบุรี น้ำตาแห่งปิติยังหล่อเลี้ยงหัวใจชายหนุ่มอยู่ไม่คลาย

ความรักยังแผ่ปลกคลุมไปทั่วเบิกบานบุรี ไม่ว่ายามมืดหรือสว่าง

.............................................

คุณพระด้วยช่วยคุ้ม

เบิกบานบุรุษ