Thursday, October 25, 2007

งานฉลอง


เบิกบานบุรี มีงานฉลอง

ชาวบุรีต่างมารวมตัวกันที่จุดศูนย์กลางของเมือง อย่างคับคั่ง

งานฉลองของบุรี เน้นความสนุกสนาน และความมีชีวิตชีวา ของผู้คน

มากกว่าการประดับประดาใดๆ

เราร้องเพลง เต้นรำ หัวเราะร่า ไปในเสียงดนตรี

อุปรากรร่วมกันร่ายรำลีลาร่าเริง

ชาวบุรี ล้วนปรีดา

.................

เบิกบานบุรี บางทีก็มีทั้งความทุกข์ ความสุข

แต่งานฉลองของชาวบุรี ไปพ้นกว่านั้น

ข้าพเจ้าเรียกมันว่า ความเบิกบาน

ความเบิกบานในงานฉลองที่ไม่มีการแบ่งแยกด้วยมายาใดๆ

เด็กๆวิ่งเล่น เต้นรำ ไปรอบเมือง

หญิงสาว มาในชุดเรียบง่าย เพราะเรียวปากของเธอก็มากเกินพอแล้วสำหรับความงาม

ชายหนุ่ม สุขุมหนักแน่น เขาคือ ทหารหาญผู้ปกป้องบุรีด้วยสันติธรรม

คนชรา ผู้บากบั่น แต่รอยยิ้มเปื้อนใบหน้า ใครเลยจะรู้ว่า ผู้เฒ่าล้วนมีดวงจิตที่เป็นอมตะ

.................

เบิกบานบุรีมีงานฉลอง

ไม่ว่าฝนโปรยโรยพื้น

ฟ้าร้องโครมคราม

หรือแสงแดดแรงรัว

ใครกันจะกล้าปฏิเสธ ความเบิกบาน
ในเทศกาลแห่งความสุนกเช่นนี้

Thursday, October 04, 2007

เห็น


เห็น

เบิกบานบุรี คลี่กายก่ายเกยความหมายซ่อนเร้นของเมืองใหญ่
ฝนโปรยโรยร่วง หลบเม็ดลงสู่ผิวพื้นถนน หลายล้านร่วงหลาก

ผมถอยตัวเอง เพื่อ เห็นความเป็นไปทั้งหมดในเบิกบานบุรี

ผู้คน หนทาง ขวักไขว้ ไปมา

ร้านรวง ต้นไม้ ใบหญ้า

ถนน บาทวิถี รถรา ฝุ่นควัน

ค่ำคืน แสงสี บทสวด

ความรัก ความใคร่ ความร้าวราน

น้ำตา เสียงหัวเราะ สงคราม

เบิกบานบุรี มีร้อยยิ้ม ในรอยยิ้ม มีความหมาย

ความหมายที่ซุ่มซ่อนตัวตนอันปวดร้าว หลากหลาย มากมาย

ผู้คนล้วนดำรงอยู่ในมัน

ในงานฉลอง

ในซอกหลืบ

ในมุมเหงา

ในเสียงดนตรี

ในบ้าน

ในรัง

ในเปลือกป้าย

ที่ห่อหุ้มเบิกบานบุรีไว้อย่างมิดชิด

ผมหวังใจเป็นอย่างยิ่ง ขณะทอดสายตาแลเห็นความเป็นไป

หวังใจเป็นอย่าง ที่จะเพียงเห็น เบิกบานบุรี ที่น่ารัก

เพียงเท่านั้น เท่านั้น เท่านั้น