Friday, April 28, 2006

Seek


Seek

ณ เบิกบานบุรี วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส เมฆขาวพราวเวิ้งฟ้า

ผู้คนต่างล้วนตามหา ดวงดาว ของตนเองเฉกเช่นทุกเมื่อเชื่อวัน

อรุณรุ่ง ทอแสง ประกายอบอุ่น ละมุนอาบไล้แขนนวล

เด็กชายกำลังคุ้ยเขี่ยตามหา ดวงดาว บนกองขยะมาขายเป็นเงิน เลี้ยงปากท้อง

แม่ค้า รวกเส้นก๋วยเตี๋ยว พลางคิดว่าสลากกินแบ่งจะช่วยให้ได้ไปยืนบนดาวดวงนั้น

หนุ่มสาว กำลังพลอดรักรำพัน และฝันว่ารักนิรันดร์ คือดวงดาวที่เราสองจะร่วมก่ายเกย

เด็กน้อยขายพวงมาลัย ในห่วงคำนึงของความน่ารัก ดวงดาว คือ ความลึกลับอันความอยากรู้อยากเห็นกระตุ้นให้แหงนมอง ยามพลบเย็น

ตะวัน จันทรา เคลื่อนคล้อยลอยเลื่อน ตะวันออกไปสู่ตะวันตก ซึ่งหามีไม่

ผู้คนมากมาย หลากหลาย วันวัย อาชีพ ฐานันดร หัวโขน ต่างเดินตามหาดวงดาวของตน

หญิงสาว อาจทำดวงดาวหล่นหายไปดวงแล้วดวงเล่า จึงซบกายลงบนเตียงนุ่ม ด้วยน้ำตาเปียกหมอน ร้าวราน

ชายหนุ่ม อาจกำลังตามหา ดวงดาวในแววตาของใครสักคน ในค่ำคืนอันมีแสงสีลีลาเร่งเร้า ร้อนทุรณ

เราท่าน ต่างสีสันและรายละเอียด ล้วนเร่งเร้าตัวตนเพื่อเดินตามหาดวงดาว ดวงนั้น

..............................

ณ คืนค่ำ ที่เบิกบานบุรี ดวงดาวพราวฟ้าสลับกับปุยเมฆสีเทา

เราท่านต่างยังคงแหงนมองดวงดาวของตนในทุกค่ำคืน ทั้งในยามตื่น และหลับ

แต่แท้จริง เราท่านล้วนดำรงอยู่ในเบิกบานบุรี

อันเป็นสถานที่หนึ่งบนโลก โลกอันเป็นดาวดวงหนึ่งที่บริสุทธิ์ งดงาม

........................

คุณพระด้วยช่วยคุ้ม

เบิกบานบุรุษ สุดหรรษา



Tuesday, April 18, 2006

Hide


เหลือบแลไม้ฝาบ้านโบราณ นอกจากความงามยังพบรอยปริแยก และเสี้ยนหนาม

เหลือบแลมหาวิหารอาคารวิจิตร นอกจากความงามยังพบเปลือกปูนผุกร่อน ร่อนหลุด

เหลือบแลภาพเขียนในพิพิธภัณฑ์ นอกจากความงามยังพบเปลือกสีปริร้าว รอร่วง

เหลือบแลเด็กน้อยข้างถนน นอกจากดอกจำปีห่อใบตองยังพบคราบน้ำตาเปรอะแก้ม กลึงกลม

เหลือบแลผู้เฒ่าร้อยมาลัยใต้ทางด่วน นอกจากมะลิร้อยยังพบความทรงจำในวัยเด็กที่ถูกทิ้งร้าง โรยรา

เหลือบแลรูปลักษณ์ทรวดทรงสาวสะพรั่ง นอกจากริมฝีปากงามงดยังพบความแก่เฒ่ายืนรอ ลบรอย

เหลือบแลอดีต ก็ตระหนักเพียงไม่อาจหวนคืน

เหลือบแลปัจจุบัน ก็ตระหนักว่ามันเร็วจนมิอาจจับต้องได้

เหลือบแลอนาคต ก็ยังมาไม่ถึง และมันก็มาถึง

.....................

คืนค่ำย่ำเย็น พระอาทิตย์ตกที่เบิกบานบุรี

ความงามที่ซ่อนตัวอยู่ในความแล้งโรย

ความแล้งโรยที่ซ่อนอยู่ในความงาม

ยังนอนกอดเกยกันอย่างเงียบเชียบ แนบชิด

.................

นั่นคือความจริงประการต่อมาที่ผมพบในเบิกบานบุรี

...............

คุณพระช่วย

Bbbr

Monday, April 17, 2006

นางสงกรานต์

นางสงกรานต์

นานแล้วที่ผมไม่ได้เดินทางออกจากเบิกบานบุรี

และแล้วประเพณีสาดน้ำแห่งชาติก็เวียนมาอีกครั้ง ถึงเวลาที่ผมจะออกเดินทางจากเบิกบานบุรีเสียที

ผมกลับสู่บ้านเกิดไม่ไกลจากเบิกบานบุรีเท่าใดนัก

สิ่งเดียวที่ผมได้รับจากการกลับบ้าน คือ ความเงียบ

ความเงียบที่ทำให้ผม ได้ยินเสียงต่างๆได้ชัดเจนขึ้น เห็นโลกได้อย่างถนัดตา

ความเคลื่อนไหวทุกอย่างเป็นเพียงความเคลื่อนไหว ซึ่งไม่อาจทำลายความเงียบได้

......................

นอร่า โจนส์ เป็นเพียงดนตรีแผ่นเดียวที่ผมหยิบกลับไปฟังที่บ้าน

โดยเฉพาะเพลง Cold,cold heart หากฟังแกล้มกับ Home ของ Michel Buble ก็จะอร่อยไม่หยอก
...................

ประเพณีสาดน้ำแห่งชาติสำหรับหนุ่มสาวทั้งในและนอกเบิกบานบุรี ยังดำเนินบทบาทองค์นึงของละครโรงใหญ่ต่อไป อย่างชุมเปียก

เนื้อในของจิตใจผู้คนโดยเฉพาะหนุ่มสาวคับแน่นไปด้วยความเบิกบาน สนุกสนาน การฉลองอย่างสุดเหวี่ยง

และสำหรับชายหนุ่มผู้เปลี่ยวเหงาบางคนอาจหมายถึงการได้นางสงกรานต์เป็นของตนเองสักคน

...............

สำหรับผม ในค่ำคืนที่ดวงอาทิตย์โคจรเข้าสู่ราศีเมษ ความสุขที่ทำให้ผมถึงกลับน้ำตาไหล
คือการพักผ่อนอยู่ในอ้อมกอดของนางสงกรานต์ผู้เลอโฉมตลอดกาลของผม

ขอบคุณ อ้อมกอดของเธอ ที่กลับมากล่อมผมอีกครั้ง

เป็นอ้อมกอดที่ไม่เคยผิดเพี้ยนไปจากวัยเยาว์ของผมเลยแม้แต่น้อย

...............

คุณพระช่วย

เบิกบานบุรุษ

Tuesday, April 11, 2006

ความน่ารักแสนอร่อย

แม่ค้าปิ้งปลาหมึก ควันขโมง

พ่อค้าขายไก่ย่างกลิ่นหอมๆ

ไข่ข้าว ไข่ที่มีตัวอ่อนยังไม่ได้ฟัก ส่งกลิ่นหอมกรุ่น

ข้าวราดแกง ไข่ดาว หรือไข่เจียวอย่างเดียว แสนอร่อย

ร้านขายน้ำ น้ำเปล่า โคคาโคล่า เป๊ปซี่ กระทิงแดง ชูกำลัง ในรังน้ำแข็งอันมีใบมะขามปะปนอยู่

เสียงเครื่องไฟมหึหา แผดเสียงสามหมื่นโวลท์

ผ้าเหลือง คาดหน้า คลุมหัว มีทิวธงไสว

.....................................


ค่ำคืนดำเนินไปใกล้รุ่งสาง คนจรยังหมอนหมิ่น ไร้บ้านเช่นเดิม

เหล่าแม่ค้า และผู้คนกลับไปแล้ว

พรุ่งนี้ ผมเฝ้ารอ เพื่อจะมางานรื่นเริง และลิ้มรสอาหาร อย่างมีความสุข

ณ ที่เบิกบานบุรี บริเวณที่ใบมะขามปลิวว่อน เพราะมิอาจทานแรงลมโหมกระหน่ำได้

.....................................

คุณชีช่วย

เบิกบานบุรุษ

Thursday, April 06, 2006

บ้านร้างรอนแรม


บ้านร้างรอนแรม

ทอดตาเหม่อลอยออกนอกหน้าต่าง
คนงานก่อสร้างกำลังอาบน้ำหลังจากตรากตรำกับการสร้างบ้านหลังใหญ่
ไฟสีแดงจากหลอดโบราณส่องประกายแสง แกว่งไปมาตามแรงลมเอื่อยพัดสายไฟโบก
ค่ำคืนมืดมิด มีมุ้งขึงครอบกันยุงร้าย ณ บ้านหลังใหญ่แห่งนั้น

บ้านที่เหล่าคนงานสร้างทำด้วย เหงื่อไคล แรงงาน และฝีมือ

.........................

สามเดือนแล้วที่เศรษฐีย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านใหม่เอี่ยมหรูหรา

แล้วคนงานก่อสร้างป่านนี้จะไปอยู่ที่ไหนหนา

น้ำที่อาบ ข้าวที่กิน มุ้งที่กาง ข้างกองอิฐ กองปูน แห่งใด

นี่ คือ ความจริงประการแรก ที่ผมสังเกตเห็นในเบิกบานบุรี

........................

คุณพระช่วย

เบิกบานบุรุษ