
เหลือบแลไม้ฝาบ้านโบราณ นอกจากความงามยังพบรอยปริแยก และเสี้ยนหนาม
เหลือบแลมหาวิหารอาคารวิจิตร นอกจากความงามยังพบเปลือกปูนผุกร่อน ร่อนหลุด
เหลือบแลภาพเขียนในพิพิธภัณฑ์ นอกจากความงามยังพบเปลือกสีปริร้าว รอร่วง
เหลือบแลเด็กน้อยข้างถนน นอกจากดอกจำปีห่อใบตองยังพบคราบน้ำตาเปรอะแก้ม กลึงกลม
เหลือบแลผู้เฒ่าร้อยมาลัยใต้ทางด่วน นอกจากมะลิร้อยยังพบความทรงจำในวัยเด็กที่ถูกทิ้งร้าง โรยรา
เหลือบแลรูปลักษณ์ทรวดทรงสาวสะพรั่ง นอกจากริมฝีปากงามงดยังพบความแก่เฒ่ายืนรอ ลบรอย
เหลือบแลอดีต ก็ตระหนักเพียงไม่อาจหวนคืน
เหลือบแลปัจจุบัน ก็ตระหนักว่ามันเร็วจนมิอาจจับต้องได้
เหลือบแลอนาคต ก็ยังมาไม่ถึง และมันก็มาถึง
.....................
คืนค่ำย่ำเย็น พระอาทิตย์ตกที่เบิกบานบุรี
ความงามที่ซ่อนตัวอยู่ในความแล้งโรย
ความแล้งโรยที่ซ่อนอยู่ในความงาม
ยังนอนกอดเกยกันอย่างเงียบเชียบ แนบชิด
.................
นั่นคือความจริงประการต่อมาที่ผมพบในเบิกบานบุรี
...............
คุณพระช่วย
Bbbr
2 comments:
เหลือบแลความเบิกบานของเบิกบานบุรี...
ช่างแทรกแฝงไว้ด้วยความหดหู่เสียนี่กระไร
ยินดีที่ได้รู้จักครับ
เบิกบานบุรี มีนัยแอบแฝงทั้งสองด้าน ความเบิกบานหาใช่ความเบิกบานไม่ แต่ความเบิกบานคือมองสรรพสิ่งอย่างดำรงอยู่ร่วมกันครับ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่หดหู่หรอกครับ
Post a Comment