Tuesday, April 18, 2006

Hide


เหลือบแลไม้ฝาบ้านโบราณ นอกจากความงามยังพบรอยปริแยก และเสี้ยนหนาม

เหลือบแลมหาวิหารอาคารวิจิตร นอกจากความงามยังพบเปลือกปูนผุกร่อน ร่อนหลุด

เหลือบแลภาพเขียนในพิพิธภัณฑ์ นอกจากความงามยังพบเปลือกสีปริร้าว รอร่วง

เหลือบแลเด็กน้อยข้างถนน นอกจากดอกจำปีห่อใบตองยังพบคราบน้ำตาเปรอะแก้ม กลึงกลม

เหลือบแลผู้เฒ่าร้อยมาลัยใต้ทางด่วน นอกจากมะลิร้อยยังพบความทรงจำในวัยเด็กที่ถูกทิ้งร้าง โรยรา

เหลือบแลรูปลักษณ์ทรวดทรงสาวสะพรั่ง นอกจากริมฝีปากงามงดยังพบความแก่เฒ่ายืนรอ ลบรอย

เหลือบแลอดีต ก็ตระหนักเพียงไม่อาจหวนคืน

เหลือบแลปัจจุบัน ก็ตระหนักว่ามันเร็วจนมิอาจจับต้องได้

เหลือบแลอนาคต ก็ยังมาไม่ถึง และมันก็มาถึง

.....................

คืนค่ำย่ำเย็น พระอาทิตย์ตกที่เบิกบานบุรี

ความงามที่ซ่อนตัวอยู่ในความแล้งโรย

ความแล้งโรยที่ซ่อนอยู่ในความงาม

ยังนอนกอดเกยกันอย่างเงียบเชียบ แนบชิด

.................

นั่นคือความจริงประการต่อมาที่ผมพบในเบิกบานบุรี

...............

คุณพระช่วย

Bbbr

2 comments:

ปราชญ์ วิปลาส said...

เหลือบแลความเบิกบานของเบิกบานบุรี...

ช่างแทรกแฝงไว้ด้วยความหดหู่เสียนี่กระไร

ยินดีที่ได้รู้จักครับ

crazycloud said...

เบิกบานบุรี มีนัยแอบแฝงทั้งสองด้าน ความเบิกบานหาใช่ความเบิกบานไม่ แต่ความเบิกบานคือมองสรรพสิ่งอย่างดำรงอยู่ร่วมกันครับ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่หดหู่หรอกครับ